‘ไขปมค่าไฟแพง’ Pool Gas คืออะไร ทำไมคนไทยต้องจ่ายแพง!

2025-08-05    HaiPress

กระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องค่าไฟฟ้าที่พุ่งสูง ยังคงเป็นประเด็นร้อนแรงในสังคมไทยอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะในวงประชาชนทั่วไป หน่วยงานรัฐ หรือแม้แต่นักวิชาการด้านพลังงาน ต่างก็ออกมาให้ความเห็นและพยายามอธิบายถึง “ต้นเหตุที่แท้จริง” ของปัญหา เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องและเป็นธรรม ค่าไฟแพงเพราะอะไร? ระบบ Pool Gas คืออะไร? และทำไมถึงกลายเป็นภาระของประชาชน?

ประเด็นเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องถกเถียงของคนในวงการพลังงาน แต่เป็นเรื่องที่กระทบโดยตรงต่อทุกคนที่ต้องจ่ายค่าไฟในชีวิตประจำวัน เพื่อให้เกิดความกระจ่าง สังคมจำเป็นต้องเปิดพื้นที่พูดคุยและทำความเข้าใจ “โครงสร้างต้นทุนค่าไฟฟ้า” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระบบ Pool Gas ที่หลายคนอาจไม่เคยได้ยิน แต่มีบทบาทสำคัญต่อราคาค่าไฟของทั้งประเทศ

ท่ามกลางกระแสความไม่พอใจของประชาชนหนึ่งในคำถามสำคัญที่ยังคงดังก้องในสังคมไทยคือ “ค่าไฟแพงจริงหรือ?” สิ่งที่ต้องเผชิญกับบิลค่าไฟที่ขยับสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แม้ภาครัฐจะมีความพยายามในการตรึงราคาก็ตาม สาเหตุสำคัญมาจากความผันผวนของสถานการณ์พลังงานโลก ทั้งราคาก๊าซธรรมชาติและน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น-ลงอย่างไม่แน่นอน ส่งผลกระทบโดยตรงต่อต้นทุนการผลิตไฟฟ้าในประเทศ หน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้องอย่างสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)

จึงต้องดำเนินการปรับอัตราค่าไฟฟ้าตามสูตรการคิด “ค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ” หรือ ค่า Ft ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่ง กฟผ. ได้เข้ามารับภาระต้นทุนเชื้อเพลิงส่วนเกินที่สูงกว่าระดับปกติ เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบต่อผู้ใช้ไฟทุกภาคส่วน ทั้งภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม ทำให้สามารถปรับลดค่าไฟฟ้าจาก 4.18 บาท เหลือ 3.98 บาทต่อหน่วย ได้ในระยะสั้น เนื่องจากส่งผลกระทบต่อสถานะทางการเงินของ กฟผ. อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอาจจะกระทบต่อเครดิตเรตติ้งของ กฟผ. อย่างไรก็ดี ปัจจัยด้านโครงสร้างต้นทุนเชื้อเพลิงยังคงเป็นโจทย์ใหญ่ที่ภาครัฐต้องบริหารจัดการอย่างรอบคอบ ท่ามกลางแรงกดดันจากทั้งประชาชนและสถานการณ์โลกที่ยังไม่แน่นอน

ด้าน ดร.พูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ ในฐานะโฆษก กกพ. ได้มีการชี้แจงโครงสร้างต้นทุนสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย โดยชี้สัดส่วน 57% มาจากต้นทุนค่าเชื้อเพลิง ต่อมาที่ยังคงเป็นปัจจัยหลักอยู่ก็คือ ต้นทุนระบบส่ง ระบบจำหน่าย และค่าใช้จ่ายตามนโยบายรัฐ ซึ่งมาจากการอุดหนุนราคา Adder และ Fit รวมกันอีก 23% ท้ายสุดคือค่าความพร้อมจ่าย (AP) 20% และหลักๆ ในไทยเราใช้ก๊าซธรรมชาติในการผลิตเป็นเชื้อเพลิงหลักจำนวน 57% ซึ่งก็ยังถือเป็นเชื้อเพลิงที่ตอบโจทย์ในยุคเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานไปสู่พลังงานสะอาด

และในด้านนักวิชาการอิสระด้านพลังงานเองก็ได้เคยกล่าวไว้ว่า ก๊าซถือเป็นเชื้อเพลิงฟอสซิลที่สะอาด และในความเป็นจริงนั้นมีราคาถูกหากเทียบกันกับเชื้อเพลิงอื่นๆ อย่างถ่านหิน หรือน้ำมันเตา และรวมถึงเป็นเชื้อเพลิงที่มีการปลดปล่อยคาร์บอนต่ำที่สุดด้วย ซึ่งเหมาะสมกับประเทศไทยเพราะต้องการไฟฟ้าที่มีความมั่นคงและเป็นราคาที่รับได้ แต่ด้วยปริมาณของก๊าซธรรมชาติที่มีอยู่นั้นไม่เพียงพอต่อความต้องการ จึงจำเป็นต้องนำเข้าเพื่อให้สนองต่อความต้องการใช้ผลิตไฟฟ้าและใช้ในภาคอุตสาหกรรม แต่ราคาก็ไม่ได้แพงเหมือนกับช่วงปี 2565 ที่เป็นช่วงวิกฤติราคาพลังงานอันเนื่องมาจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน

และอีกหนึ่งข้อสงสัยที่ยังค้างคาใจประชาชนจำนวนไม่น้อย คือ ระบบ “Pool Gas” ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการเฉลี่ยราคาก๊าซธรรมชาติ ซึ่งมีที่มาจากอ่าวไทย เมียนมาและการนำเข้า LNG สำหรับการผลิตไฟฟ้าในประเทศไทย และผู้ใช้ก๊าซอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรม หรือ NOV แต่ในขณะเดียวกันก็ถูกตั้งคำถามว่า เป็นโครงสร้างที่ “ไม่เป็นธรรม” กับทั้ง กฟผ. และประชาชนหรือไม่? และด้วยข้อจำกัดที่ว่าหากจัดหาก๊าซได้ในราคาถูกกว่าราคาตลาด จะต้อง “ส่งก๊าซเข้าสู่ Pool” ในราคาตลาดเฉลี่ย และเมื่อจะนำก๊าซมาใช้ผลิตไฟฟ้า กลับต้อง “ซื้อคืนในราคาที่สูงกว่าต้นทุนที่ตัวเองจัดหามา?” ส่งผลให้เกิดภาระต้นทุนส่วนเกินและถูกผลักให้กลายเป็นภาระที่ประชาชนต้องรับผ่านบิลค่าไฟฟ้าโดยตรงหรือไม่

ข้อเท็จจริง ระบบ Pool Gas เป็นกลไกการรวบรวมก๊าซธรรมชาติจากแหล่งต่างๆ และจัดสรรให้แก่ผู้ผลิตไฟฟ้าอย่างเป็นระบบ โดยราคาก๊าซในระบบจะถูกนำมาถัวเฉลี่ยจากหลายแหล่งที่มีการจัดหาและรวบรวมมาได้ ทั้งจากอ่าวไทย เมียนมา รวมไปถึง LNG นำเข้าของผู้จัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ (Shipper) แต่โดยทั่วไปนั้น ราคาของ Pool Gas จะยังมีราคาที่ต่ำกว่าราคาก๊าซ LNG ที่นำเข้า โดยปัจจุบัน ปตท. ทำหน้าที่เป็น Pool Manager ซึ่งเป็นผู้คำนวณราคา Pool Gas ตาม มติ กพช. และเกณฑ์ที่ กกพ. กำหนด เพื่อให้มีความโปร่งใส และเป็นไปตามกรอบที่กำหนด รวมถึงสะท้อนต้นทุนตลาด และมี กฟผ. เป็นผู้ใช้ก๊าซรายใหญ่ในระบบ ซึ่งใช้ในการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่หลายแห่ง และต้นทุนเชื้อเพลิงของ กฟผ. ที่ได้จากระบบ Pool Gas ก็จะถูกนำไปใช้ในการคำนวณค่าเอฟที ซึ่งมีผลต่อค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บจากผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศ ซึ่งถือได้ว่าการจัดสรรก๊าซผ่านระบบ Pool ช่วยควบคุมต้นทุนผลิตไฟฟ้าให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมมากกว่าการใช้ LNG แบบซื้อเฉพาะราย (Out-of-Pool) นั่นเอง

นอกจากนี้ กกพ. ก็มีการกำกับดูแลราคา LNG ที่นำเข้าทุกลำก่อนเข้า Pool Gas เพื่อให้มั่นใจว่ามีการแข่งขันด้านราคาจากผู้ขายทั่วโลก และได้ราคาที่ถูกที่สุด รวมถึงต่ำกว่าเกณฑ์ราคา (LNG Benchmark) ที่ กพช. กำหนด

ทั้งนี้ ระบบ “Pool Gas” ถูกออกแบบมาเพื่อเฉลี่ยราคาก๊าซและลดความเหลื่อมล้ำในระบบพลังงาน แต่ในโลกที่ความซับซ้อนทางเทคนิคส่งผลโดยตรงต่อชีวิตคนธรรมดาอย่างประชาชนเรา การสื่อสารที่ชัดเจน โปร่งใส และเข้าถึงได้ คือสิ่งจำเป็น เพราะในท้ายที่สุด… “บิลค่าไฟ” ไม่ควรเป็นภาระที่ประชาชนต้องแบกโดยไม่รู้ที่มาของต้นทุน การสร้างความเข้าใจที่ตรงกันระหว่างผู้กำหนดนโยบายกับสังคม คือพลังสำคัญในการขับเคลื่อนระบบพลังงานให้เดินหน้าได้อย่างโปร่งใส และยั่งยืน


คำปฏิเสธ: บทความนี้ทำซ้ำจากสื่ออื่น ๆ วัตถุประสงค์ของการพิมพ์ซ้ำคือการถ่ายทอดข้อมูลเพิ่มเติมไม่ได้หมายความว่าเว็บไซต์นี้เห็นด้วยกับมุมมองและรับผิดชอบต่อความถูกต้องและไม่รับผิดชอบใด ๆ ตามกฎหมาย แหล่งข้อมูลทั้งหมดในเว็บไซต์นี้ได้รับการรวบรวมบนอินเทอร์เน็ตจุดประสงค์ของการแบ่งปันคือเพื่อการเรียนรู้และการอ้างอิงของทุกคนเท่านั้นหากมีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาโปรดส่งข้อความถึงเรา

ล่าสุด

ลิงค์ที่เป็นมิตร

Back to top
©ลิขสิทธิ์ 2009-2020 เครือข่ายชีวิตไทย      ติดต่อเรา   SiteMap