ภาษีทรัมป์ 19% เริ่ม 7 ส.ค. ท่ามกลางเงินบาทแข็งค่า ใครได้-ใครเสียประโยชน์

2025-08-07    HaiPress

ภาษีทรัมป์ 19% เริ่ม 7 ส.ค. ท่ามกลางค่าเงินบาทแข็งค่า รู้จักอัตราแลกเปลี่ยน แข็งค่า-อ่อนค่า ใครได้-ใครเสียประโยชน์?

จากกรณีที่ “วรวงศ์ รามางกูร” ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ ออกมาเรียกร้องต่อธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผ่อนคลายนโยบายการเงิน รับมือกับผลกระทบจากภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐ หรือภาษีทรัมป์ 19% ที่จะเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ พร้อมเสนอให้แทรกแซงค่าเงินบาทผ่านการซื้อดอลลาร์สหรัฐ เพื่อลดค่าเงิน ถือเป็นแนวทางที่เหมาะสมในการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ และไม่ผิดกติกาสากล เนื่องจากไม่ได้มุ่งเน้นเพื่อส่งออกโดยตรง

รู้จักค่าเงินคืออะไร?

ค่าเงิน คือ “อัตราแลกเปลี่ยน” เมื่อมีการค้าขายกับต่างประเทศแต่ใช้สกุลเงินต่างกัน ประเทศคู่ค้าต้องทำการกำหนด “อัตราแลกเปลี่ยน” ระหว่างเงินสองสกุล ซึ่งการเทียบเงินสกุลที่ต่างกันนี้ ไม่ได้เปรียบเทียบจากขนาดของประเทศหรือขนาดเศรษฐกิจ แต่จะเปรียบเทียบจาก “อำนาจซื้อที่แท้จริง” ของเงินสกุลนั้น ๆ ในการซื้อสินค้าหรือบริการ

ค่าเงินแข็ง/อ่อน คืออะไร?

อัตราแลกเปลี่ยนไม่จำเป็นต้องเท่าเดิมเสมอไป อาจแพงขึ้นหรือถูกลงก็ได้ หรือที่ได้ยินบ่อย ๆ ว่าค่าเงินแข็งหรืออ่อน

“ค่าเงินบาทแข็ง” หมายถึง เงินบาทมีค่ามากขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่น หากเมื่อวานนี้ใช้เงิน 30 บาท แลกได้ 1 ดอลลาร์สหรัฐ แต่วันนี้อัตราแลกเปลี่ยนถูกปรับเป็น 28 บาท แลกได้ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้น เงินบาทมีค่ามากขึ้นหรือ “แพงขึ้น” เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หรือเรียกว่า “ค่าเงินบาทแข็งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ”

“ค่าเงินบาทอ่อนลง” ก็มีลักษณะตรงข้าม คือ เงินบาทมีค่าน้อยลงหรือ “ถูกลง” เช่น เมื่อวานใช้เงิน 30 บาท แลกได้ 1 ดอลลาร์สหรัฐ แต่วันนี้อัตราแลกเปลี่ยนถูกปรับเป็น 32 บาท แลกได้ 1 ดอลลาร์สหรัฐ สถานการณ์นี้เรียกว่า “ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ”

สาเหตุที่ทำให้ค่าเงินแข็ง/อ่อน?

เงินแต่ละสกุลมีลักษณะเหมือนสินค้าที่ราคาขึ้นลงจากกลไกตลาด หรือกำหนดจากอุปสงค์และอุปทานเงินตราของแต่ละประเทศ เช่น กรณีเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หากมีความต้องการซื้อเงินบาทมากขึ้น โดยเอาเงินดอลลาร์สหรัฐมาขาย เงินบาทก็จะแพงขึ้น (แข็งค่าขึ้น) ในทางกลับกันหากมีความต้องการซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐมากขึ้น โดยเอาเงินบาทมาขาย เงินบาทก็จะถูกลง (อ่อนค่าลง)

เงินบาทแข็งค่าใครได้-ใครเสีย

ผู้ที่ได้ประโยชน์

ผู้นำเข้า-จ่ายเงินเท่าเดิม ได้ของเพิ่มขึ้น หรือนำเข้าสินค้าเท่าเดิมในราคาที่ถูกลง

นักลงทุน-ลงทุนนำเข้าเครื่องจักรและอุปกรณ์ในราคาถูกลง

ผู้ที่เป็นหนี้กับต่างประเทศ-ใช้เงินบาทน้อยลง ชำระหนี้เท่าเดิม

คนไทยไปเที่ยว นักศึกษาที่จะไปเรียนต่างประเทศ-ค่าใช้จ่ายถูกลงเมื่อเทียบเป็นเงินบาท

คนทั่วไป-ซื้อสินค้านำเข้าในราคาถูกลง

ผู้ที่เสียประโยชน์

ผู้ส่งออก-ส่งออกของเท่าเดิม ได้รับชำระเป็นเงินดอลลาร์เท่าเดิม แต่แลกเป็นเงินบาทได้น้อยลง

คนไทยทำงานในต่างประเทศ-เอาค่าจ้างกลับมาแลกเป็นเงินบาทได้น้อยลง

ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวที่รับเงินต่างประเทศ-นำมาแลกเงินบาทได้น้อยลง

เงินบาทอ่อนค่าใครได้-ใครเสีย

ผู้ที่ได้ประโยชน์

ผู้ส่งออก-ส่งออกของเท่าเดิมได้รับชำระเป็นเงินดอลลาร์เท่าเดิม แต่แลกเป็นเงินบาทได้มากขึ้น

คนไทยทำงานในต่างประเทศ-เอาค่าจ้างกลับมาแลกเป็นเงินบาทได้มากขึ้น

ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวที่รับเงินต่างประเทศ-นำมาแลกเงินบาทได้มากขึ้น

ผู้ที่เสียประโยชน์

ผู้นำเข้า-จ่ายเงินเท่าเดิม ได้ของน้อยลง หรือนำเข้าสินค้าเท่าเดิมในราคาที่แพงขึ้น

นักลงทุน-ลงทุนนำเข้าเครื่องจักร และอุปกรณ์ในราคาแพงขึ้น

ผู้ที่เป็นหนี้กับต่างประเทศ-ใช้เงินบาทมากขึ้น ชำระหนี้เท่าเดิม

คนไทยไปเที่ยว นักศึกษาที่จะไปเรียนต่างประเทศ-ค่าใช้จ่ายแพงขึ้นเมื่อเทียบเป็นเงินบาท

คนทั่วไป-ซื้อสินค้านำเข้าในราคาแพงขึ้น

ทั้งนี้ สถานการณ์ค่าเงินบาทเมื่อวันที่ 6 ส.ค. ตามการรายงานของ “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ในช่วงเช้าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 32.33-32.35 บาทต่อดอลลาร์ โดยเคลื่อนไหวในกรอบแคบ มีแรงหนุนในด้านแข็งค่าตาม Sentiment ของสกุลเงินอื่นในภูมิภาคจากการที่เงินดอลลาร์ มีปัจจัยลบ

ที่มา : ธนาคารแห่งประเทศไทย

คำปฏิเสธ: บทความนี้ทำซ้ำจากสื่ออื่น ๆ วัตถุประสงค์ของการพิมพ์ซ้ำคือการถ่ายทอดข้อมูลเพิ่มเติมไม่ได้หมายความว่าเว็บไซต์นี้เห็นด้วยกับมุมมองและรับผิดชอบต่อความถูกต้องและไม่รับผิดชอบใด ๆ ตามกฎหมาย แหล่งข้อมูลทั้งหมดในเว็บไซต์นี้ได้รับการรวบรวมบนอินเทอร์เน็ตจุดประสงค์ของการแบ่งปันคือเพื่อการเรียนรู้และการอ้างอิงของทุกคนเท่านั้นหากมีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาโปรดส่งข้อความถึงเรา

ล่าสุด

ลิงค์ที่เป็นมิตร

Back to top
©ลิขสิทธิ์ 2009-2020 เครือข่ายชีวิตไทย      ติดต่อเรา   SiteMap