นายกฯ ถกท่องเที่ยว ชู 5 ด้านดึง นทท. ดันสร้างแหล่งท่องเที่ยวแมนเมด พร้อมบูรณาบูรณาการร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง “สรวงศ์” เตรียมชงครม. ไฟเขียวโครงเที่ยวไทยคนละครึ่งสัปดาห์หน้า พร้อมเปิดลงทะเบียน 1 ก.ค. 68
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยในระหว่างเป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์การท่องเที่ยวไทย ว่าอย่าลืมว่าการท่องเที่ยวเป็นสิ่งสำคัญหลักของประเทศ และเป็นรายได้หลักของประเทศที่ต่างๆที่ไปเริ่มมีการปรับตัวไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการท่องเที่ยวของเขาหรือเรื่องเทคโนโลยีต่างๆ เห็นผลได้ชัดเราก็จะมาดูกันต่อว่าจะทำอย่างไรให้เป็นอะไรที่ใหม่และน่าท่องเที่ยว มีกิจกรรมประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับการท่องเที่ยวของเรา ทั้งนี้จากการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดแบ่งเป็นประเด็นสำคัญ 5 ด้าน ได้แก่
1.ส่งเสริมการประชาสัมพันธ์และการสร้างภาพลักษณ์ของประเทศไทย ให้เป็นที่รู้จักและดึงดูดนักท่องเที่ยวมากขึ้น ยกระดับการจัดทำโครงการประชาสัมพันธ์ให้สามารถกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวไทยได้จริง มีตัววัดผลที่ชัดเจน รวมถึงตรวจสอบและให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของประเทศในโซเชียลมีเดีย
2.ยกระดับความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว โดยต้องเร่งติดตั้งกล้องวงจรปิดในพื้นที่ท่องเที่ยวให้แล้วเสร็จ กวดขันการปฏิบัติติงานของตำรวจท่องเที่ยวให้รักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้น ตลอดจนเร่งปราบปรามผู้ใช้อิทธิพลที่ผูกขาดการบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว
3.แก้ไขปัญหาการอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว ตั้งแต่การบริการตรวจคนเข้าเมืองให้มีความรวดเร็ว จัดระเบียบการใช้บริการขนส่งสาธารณะในพื้นที่สนามบิน เร่งสร้างพื้นที่เพื่อการสูบบุหรี่ระหว่างการTransitตลอดจนเน้นย้ำให้มีการตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ เพื่อสำรวจและแก้ไขปัญหาการท่องเที่ยวในพื้นที่โดยด่วน
4.เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการบังคับใช้มาตรการกำหนดเพดานค่าโดยสารสำหรับสายการบินราคาประหยัดอย่างมีประสิทธิภาพ และเร่งแก้ปัญหาการจัดสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมแบบMass Transitรวมถึงเร่งเตรียมเชื่องโยง 3 สนามบิน (กระบี่ พังงา ภูเก็ต)
5.สร้างกิจกรรมเพื่อการส่งเสริมการท่องเที่ยวในปัจจุบันและอนาคต เพื่อให้ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีกิจกรรมน่าสนใจ ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี รวมถึงวางรากฐานการพัฒนาข้อมูลและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยว เพื่อใช้เป็นแหล่งข้อมูลในการวางแผนการให้บริการที่สอดคล้องกับความต้องการนักท่องเที่ยว
สำหรับมาตรการและการขับเคลื่อนทั้ง 5 ด้าน จะต้องถูกผลักดันให้เป็นวาระแห่งชาติ และเป็นประเด็นเร่งด่วนที่ทุกหน่วยงานจะต้องดำเนินการอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะการบังคับใช้กฎหมาย และขอให้มีกรอบระยะเวลาในการดำเนินการทุกเรื่องอย่างชัดเจน และมารายงานผลความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาเป็นระยะ
1.เรื่องของการสร้างภาพลักษณ์ 2.เรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว 3.การอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว 4.ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว และ 5.การจัดกิจกรรมเพื่อการส่งเสริมการท่องเที่ยวปัจจุบันและในอนาคต
“ที่สำคัญการท่องเที่ยวจะสำเร็จได้ต้องอาศัยความร่วมมืออย่างบูรณาการเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ขอให้ทุกท่านอย่าลืมว่าหากขาดเหลืออะไรต้องซัพพอร์ตกัน ขอให้บูรณาการร่วมมือกันการท่องเที่ยวของเราจะได้เกิดผลให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น”น.ส.แพทองธารกล่าว
นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ได้รายงานความคืบหน้าของทุกกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ที่ต้องทำงานบูรณาการร่วมกันเพราะมีเรื่องของภาพลักษณ์ ความปลอดภัย ความสะอาด ความสะดวกสบาย ให้กับนักท่องเที่ยว ซึ่งขณะนี้เข้าสู่ช่วงโลซีซั่น โดยนายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายในหลายด้าน ทั้ง การทำให้นักท่องเที่ยวมีความสะดวกสบายมากขึ้น รวมถึงความปลอดภัย และมีงบที่จะใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนพันล้านบาท มาช่วยสร้างความเชื่อมั่น รวมถึงได้รายงานตัวเลขนักท่องเที่ยวที่มีจำนวนลดลง แต่รายได้เข้าประเทศยังสูงขึ้น ประกอบกับนักท่องเที่ยวที่มาจากทางไกล ทั้ง ตลาดยุโรป ตลาดอเมริกา เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
นอกจากนี้ ยังได้ติดตามงานของเมืองหลัก และเมืองรอง ที่ของบกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ขอไป ทั้งโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง หรือการนำตลาดจีนกลับมาพร้อมกับตลาดที่มีคุณภาพมากขึ้น คาดการณ์ว่าโครงการเที่ยวคนละครึ่งจะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า และพร้อมเปิดลงทะเบียนใช้สิทธิควบคู่กันในวันที่ 1 ก.ค.68
ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ 2 – 3 ประเด็น ว่า ในครึ่งปีหลังจากนี้ไป นักท่องเที่ยวในประเทศ ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะเดินทางไปจุดใดของประเทศไทย ต้องมีความปลอดภัย ต้องเตรียมความพร้อมในเรื่องของความสะอาด ทั้ง สุขา ที่จอดรถ การอำนวยความสะดวก ระบบความปลอดภัยใหม่ใหม่สมัยใหม่ เช่น ระบบเอไอซึ่งตำรวจท่องเที่ยวหรือตำรวจท้องที่ และหน่วยงานอื่น ๆ จะประสานบูรณาการกัน เพื่อดูแลนักท่องเที่ยวในทุกจุด จะต้องดูและเรื่องความสะอาด เพราะได้รับการร้องเรียนมา ว่า มีหลายจุดไม่ได้ดำเนินการแก้ไขปรับปรุง เนื่องจากคนไปเที่ยวมีหลากหลายวัย นายกรัฐมนตรีจึงกำชับว่า แม้นักท่องเที่ยวจะลดลง แต่รายได้ยังสูงขึ้น ดังนั้น ครึ่งปีหลังจะมีกิจกรรมที่หลากหลาย
น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวได้ปรับลดสิทธิโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง จากเดิมที่ตั้งไว้ 1 ล้านสิทธิ เหลือ 5 แสนสิทธิ เนื่องจากงบประมาณที่วางแผนไว้จะใช้ดำเนินโครงการอยู่ที่ 1,780 ล้านบาท ถูกเกลี่ยไปใช้กับโครงการกระตุ้นตลาดต่างประเทศในส่วนของการสนับสนุนทั้งเที่ยวบินประจำ และเที่ยวบินเช่าเหมาลำ ทำให้ต้องปรับลดจำนวนสิทธิลง