บีโอไอย้ำไทยยังเสน่ห์แรง ต่างชาติปักหมุดขนเงินลงทุน โดยเฉพาะอุตฯสมัยใหม่ มั่นใจภายใน 2 ปี เห็นเม็ดเงินลงทุนจริงไม่ต่ำกว่า 1 ล้านล้านบาท ชูจุดแข็งฝ่าความเสี่ยงไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไร พร้อมลุยชงบอร์ดปรับมาตรการรับศึกการค้าเปลี่ยน

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยถึงทิศทางการลงทุนของประเทศไทยว่า ไทย มีสัญญาณการลงทุนที่ดีในระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในช่วง 1-2 ปีข้างหน้านี้ จะมีปริมาณเงินลงทุนจริงมากกว่า 1 ล้านล้านบาท เห็นได้จากการขอรับการส่งเสริมการลงทุนในช่วงไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค. 68) มีจำนวน 822 โครงการ เพิ่มขึ้น 20% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มูลค่าเงินลงทุนรวม 431,237 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 97% หรือเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว นำโดยอุตสาหกรรมดิจิทัล อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์และชิ้นส่วน และการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน

ส่วนการลงทุนจากต่างประเทศสูงถึงกว่า 260,000 ล้านบาท โดยฮ่องกง เป็นอันดับ 1 ตามด้วยจีน สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และไต้หวัน ซึ่งสถิติการลงทุนในไตรมาสแรกแสดงให้เห็นถึงแรงขับเคลื่อนการลงทุนในไทยยังมีอย่างต่อเนื่องจากปี 67 ที่มีจำนวนคำขอ 3,137 โครงการ เป็นยอดจำนวนโครงการที่สูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบีโอไอ และมีมูลค่าเงินลงทุน 1.14 ล้านล้านบาท สูงสุดในรอบ 10 ปี โดยการออกบัตรส่งเสริม ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ใกล้เคียงการลงทุนจริงมากที่สุด ในช่วงไตรมาสแรกปี 68 มี 660 โครงการ เงินลงทุน 236,778 ล้านบาท เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปี 67

ด้านนโยบายส่งเสริมการลงทุน บีโอไออยู่ระหว่างเตรียมเสนอคณะกรรมการ (บอร์ด) ปรับเปลี่ยนมาตรการส่งเสริมการลงทุนให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ตอบโจทย์ทิศทางใหม่ของการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศได้ชัดเจนขึ้น หลังจากไทยต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ทั้งจากสหรัฐ จีน และคู่แข่งในภูมิภาคอาเซียน ทำให้ไทยต้องปรับตัวครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างงานที่มีคุณค่าสูง ส่งเสริมการถ่ายทอดเทคโนโลยี การร่วมทุน การใช้วัตถุดิบในประเทศ การรักษาระดับการแข่งขันให้เหมาะสม รวมทั้งการปกป้องอุตสาหกรรมบางประเภทที่ผู้ประกอบการไทยมีความเปราะบาง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าประเทศไทยจะสามารถดึงดูดการลงทุนที่ไม่ได้มีเพียงเม็ดเงินเข้าสู่ประเทศ แต่ยังจะเป็นประโยชน์กับประเทศไทยและคนไทยได้อย่างแท้จริง

“ท่ามกลางสงครามการค้าโลก ประเทศไทยได้พิสูจน์ให้เห็นถึงจุดแข็งในการเป็นแหล่งรองรับการลงทุนที่มีความเป็นกลางและน่าเชื่อถือของภูมิภาค อีกทั้งสามารถเป็นสะพานเศรษฐกิจเชื่อมโยงซัพพลายเชนให้กับมหาอำนาจขั้วต่างๆ ได้ กลุ่มนักลงทุนหลักยังเดินหน้าขยายการลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น เซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ ดาต้าเซ็นเตอร์และบริการคลาวด์ที่รองรับเทคโนโลยี AI ยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนสำคัญ และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ ซึ่งอุตสาหกรรมเหล่านี้จะมีความสำคัญต่อการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทย ช่วยต่อยอดฐานอุตสาหกรรมเดิมให้มั่นคง สร้างมูลค่าจากเทคโนโลยีสมัยใหม่ สร้างงาน และสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทย”

สำหรับทิศทางนโยบายส่งเสริมการลงทุน บีโอไอจะเดินหน้าดึงการลงทุนเพื่อสร้างฐานอุตสาหกรรมแห่งอนาคต และสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงของภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนสำคัญ แบตเตอรี่ เซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อัจฉริยะ ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ ดาต้าเซ็นเตอร์และบริการคลาวด์ เทคโนโลยี AI และดิจิทัลขั้นสูง และเทคโนโลยีชีวภาพ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมอุตสาหกรรมและบริการที่ประเทศไทยมีความเข้มแข็ง อย่างเกษตรและอาหาร พลังงานสะอาด การแพทย์และสุขภาพ การท่องเที่ยว รวมถึงกิจการศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ ทั้งสำนักงานภูมิภาค ศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์และศูนย์กระจายสินค้า และศูนย์กลางจัดซื้อจัดหาชิ้นส่วนระหว่างประเทศ

ส่วนการจัดโรดโชว์การลงทุนในปีนี้ บีโอไอได้จัดทัพบุกประเทศเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง ทั้งญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ ไต้หวัน อินเดีย ตะวันออกกลาง สหรัฐอเมริกา ยุโรป และออสเตรเลีย เพื่อดึงการลงทุนอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ที่มีนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง รวมทั้งต่อยอดฐานอุตสาหกรรมสำคัญในประเทศไทยให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นด้วย

ก่อนหน้านี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในรายการ “โอกาสไทย” กับนายกแพทองธาร หนึ่งในใจความสำคัญ น.ส.แพทองธาร ได้เน้นย้ำรัฐบาลยังเดินหน้าผลักดันเศรษฐกิจอย่างแน่นอน ไม่ชะลอแน่นอน ซึ่งการลงทุน มีการลงทุนใหม่ต่อเนื่องทั้งเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง ดิจิทัลต่างๆ ที่เข้ามา ทั้งกูเกิล ไมโครซอฟท์ ติ๊กต็อก ไทยได้เซ็นสัญญาแล้ว จะเป็นการเปิดประตูให้เงินเข้ามาทั่วโลก เป็นการชี้ให้เห็นว่า นักลงทุนต่างชาติมองประเทศไทยมีโอกาสการลงทุนมากขึ้น