ธ.ก.ส. เดินหน้าช่วยชาวนา จัดสินเชื่อ 3 โครงการ 5 หมื่นล้าน จำนำยุ้งฉางไร่ละพัน ปล่อยกู้ดอกต่ำ
นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. พร้อมเดินหน้านโยบายรัฐบาลผ่านมาตรการรักษาเสถียรภาพข้าว ปีการผลิต 67/68 ตามมติ ครม. จำนวน 3 โครงการ กรอบวงเงินรวม 50,000 ล้านบาท ได้แก่ สินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี วงเงินรวมกว่า 35,000 ล้านบาท เพื่อป้องกันผลผลิตข้าวเปลือกล้นตลาดและส่งเสริมให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรเก็บข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางจนกว่าจะถึงช่วงที่ขายได้ราคาดี โดยรัฐบาลชำระดอกเบี้ยแทนเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร รองรับข้าวเปลือก 3 ล้านตัน
ทั้งนี้ เกษตรกรกู้ได้รายละไม่เกิน 300,000 บาท สหกรณ์การเกษตรและชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งละไม่เกิน 300 ล้านบาท กลุ่มเกษตรกรแห่งละไม่เกิน 20 ล้านบาท และวิสาหกิจชุมชนแห่งละไม่เกิน 5 ล้านบาท โดยมีประเภทข้าวเปลือกที่เข้าร่วมโครงการ ดังนี้ ข้าวเปลือกหอมมะลิในเขต 23 จังหวัด ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด และภาคเหนือ 3 จังหวัด เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา ข้าวเปลือกหอมมะลินอกเขต 23 จังหวัด ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกปทุมธานีและข้าวเปลือกเหนียว
“กำหนดวงเงินสินเชื่อต่อตัน ดังนี้ ข้าวเปลือกหอมมะลิในเขต 23 จังหวัด 12,500 บาทต่อตัน ข้าวเปลือกหอมมะลินอกเขต 23 จังหวัด 11,000 บาทต่อตัน ข้าวเปลือกเจ้า 9,000 บาท/ตัน ข้าวเปลือก ปทุมธานี 10,000 บาทต่อตัน และข้าวเปลือกเหนียว 10,000 บาทต่อตัน นอกจากนี้ ธ.ก.ส. ยังพร้อมสนับสนุนค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือกให้อีก 1,500 บาทต่อตัน กรณีเกษตรกรเก็บข้าวเองได้รับ 1,500 บาทต่อตัน กรณีเกษตรกรฝากข้าวกับสถาบันเกษตรกร เกษตรกรจะได้รับ 500 บาทต่อตัน และสถาบันฯ จะได้รับ 1,000 บาทต่อตัน ระยะเวลาจัดทำสัญญา ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 28 ก.พ. 68
ต่อมาเป็นสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 67/68 เป้าหมายรวบรวมข้าวเปลือก 1.5 ล้านตัน กรอบวงเงินรวม 15,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนเงินทุนให้แก่สหกรณ์การเกษตร ชุมนุมสหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชนและศูนย์ข้าวชุมชนที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนด สำหรับรับซื้อและรวบรวมข้าวจากเกษตรกรสมาชิกและเกษตรกรทั่วไป รวมถึงการนำผลผลิตไปแปรรูปจำหน่าย เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิต ซึ่งจะส่งผลให้การรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกในตลาดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดย สหกรณ์การเกษตร ชุมนุมสหกรณ์การเกษตร กู้ได้ 300 ล้านบาท กลุ่มเกษตรกรไม่เกิน 20 ล้านบาท และวิสาหกิจชุมชนและศูนย์ข้าวชุมชนไม่เกิน 5 ล้านบาท โดยสถาบันฯ ชำระดอกเบี้ยเพียง 1% ต่อปี ส่วนที่เหลือรัฐบาลและ ธ.ก.ส. รับหน้าที่ชำระแทนสถาบันเกษตรกร ระยะเวลาจ่ายสินเชื่อตั้งแต่บัดนี้จนถึง 30 กันยายน 2568
นายฉัตรชัย กล่าวว่า คณะกรรมการ ธ.ก.ส. ยังได้มีมติเห็นชอบให้ขับเคลื่อนโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 67/68 หรือโครงการไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 10 ไร่ เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเพาะปลูกข้าว ส่งเสริมให้การผลิตข้าวมีความคุ้มค่าและเพิ่มผลกำไร โดยมีเป้าหมายเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้รับประโยชน์ประมาณ 4.61 ล้านครัวเรือน วงเงิน 37,414 ล้านบาท ซึ่งภายหลังจากที่ได้รับข้อมูลทะเบียนรายชื่อเกษตรกรผู้ปลูกข้าวจากกรมส่งเสริมการเกษตรแล้ว ธ.ก.ส. จะตรวจสอบข้อมูลและโอนเงินให้เกษตรกรในลำดับถัดไป